Wednesday, July 22, 2009

แนะนำการคำนวณหาขนาดของถังน้ำมัน

จากบทความที่ผมโพสต์ก่อนหน้า เกี่ยวกับความจุของถังน้ำมัน ซึ่งไม่ควรออกแบบให้มีขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ดังนั้นในที่นี้ผมขอแนะนำสูตรในการคำนวณหาความจุของถังน้ำมัน ดังนี้
ความจุของถังน้ำมัน = อัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 100% Load x เวลาที่ใช้ในการจัดหาน้ำมันมาเติม x 1.1
(ตัวเลข 1.1 มาจากต้องเผื่อพื้นที่การขยายตัวของน้ำมัน 5% และตะกอนก้นถัง 5%)

ตัวอย่างเช่น เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ขนาด 500 เควีเอ กินน้ำมันเชื้อเพลิง 100 ลิตร/ชั่วโมง ที่ 100% Load และคาดว่าจะต้องใช้เวลาในการเติมน้ำมัน 12 ชั่วโมง ( 7 โมงเช้าถึงหนึ่งทุ่ม หาน้ำมันไม่ได้ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว)
ดังนั้น ความจุของถังน้ำมัน = 100 x 12 x 1.1 = 1320 ลิตร
ปัดขึ้นให้เป็นตัวเลขกลม ๆ ดังนั้นควรเลือกถังน้ำมันขนาด 1,500 ลิตร เป็นต้น

ถังน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าควรมีขนาดเท่าไหร่

จากสเปคของผู้ออกแบบหลาย ๆ งานส่วนใหญ่แล้วจะกำหนดให้จัดถังน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีความจุอย่างน้อย 8 ชั่วโมงสำหรับการเดินเครื่องที่ Full Load ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีผู้ออกแบบบางรายระบุให้สำรองได้ 12 ชั่วโมง, บางราย 24 ชั่วโมง (ซึ่งอันหลังนี้เริ่มจะเกินปกติแล้วครับ) ยังไม่พอครับบางรายให้สำรองได้ 48 ชั่วโมง

ซึ่งสำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตัวเล็ก ๆ แล้วก็จะไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ แต่ถ้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ เช่นขนาด 1000 เควีเอ
หากต้องการสำรองน้ำมันให้เพียงพอใช้งานได้ 48 ชั่วโมงแล้วหล่ะก็ ต้องจัดถังน้ำมันขนาดประมาณ 10,000 ลิตร และการติดตั้งถังน้ำมันขนาดที่มีขนาด 10,000 ลิตรขึ้นไปต้องมีการขออนุญาตด้วยครับ นอกจากจะยุ่งยากแล้วผมเกรงว่าจะสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ

ท่านลองคิดดูจำนวนเงินที่อยู่ในถังน้ำมันสิครับ (ราคาน้ำมันดีเซลปัจจุบันประมาณลิตรละ 27 บาท) ก็เท่ากับว่าเอาเงิน 270,000 บาท วางไว้ในถังน้ำมันเฉย ๆ แล้วยิ่งใช้สำหรับการสำรองฉุกเฉิน (Standby) ด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะปี ๆ หนึ่งท่านอาจใช้งานเครื่องกำเนิดไฟฟ้าไม่ถึง 10 ชั่วโมง แต่ท่านมีน้ำมันสำรองไว้ถึง 48 ชั่วโมง แล้วปริมาณน้ำมันที่เหลือนั้น หากเก็บไว้นานน้ำมันดีเซลอาจมีการเสื่อมสภาพได้ ซึ่งผู้ผลิตบางราย เช่น Caterpillar แนะนำว่าไม่ควรเก็บน้ำมันดีเซลไว้เกินกว่า 1 ปี

ดังนั้นสรุปข้อเสียของการมีถังน้ำมันขนาดใหญ่ (เพียงเพื่อขี้เกียจเติมน้ำมันบ่อย ๆ )
1. ถ้าเกินกว่า 10,000 ลิตร ต้องมีการขออนุญาต
2. สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการสต๊อกน้ำมัน รวมถึงค่าถังน้ำมันและการติดตั้งที่แพงกว่าปกติมาก
3. น้ำมันอาจเสื่อมสภาพ เนื่องจากเก็บไว้นานโดยไม่ได้ใช้งาน

อย่ากลัวเลยครับว่าจะเติมน้ำมันไม่ทัน เพราะจากประสบการณ์ของผมที่ผ่านมาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองใช้งานต่อปีมักจะใช้งานไม่ถึง 30 ชั่วโมง หรือเทียบง่าย ๆ ว่า 6 เดือนใช้ไม่ถึง 15 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นก็ลองพิจารณาดูนะครับว่าควรจะออกแบบถังน้ำมันให้มีขนาดเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมกับการใช้งานในหน่วยงานของท่าน

Monday, July 20, 2009

ภาพบรรยากาศงานสัมมนาของคัมมิ่นส์ ดีทแฮล์ม

หลังจากที่ผมได้เข้าร่วมงานสัมมนาที่บริษัท คัมมิ่นส์ ดีทแฮล์ม จัดขึ้นที่โรงแรม อมารี บูเลอวาร์ด สุขุมวิท ซอย 5 วันนี้ ผมได้รับภาพจากทางคัมมิ่นส์ที่ส่งมาให้ทางอีเมล์ ซึ่งผมก็ยินดีที่จะประชาสัมพันธ์ให้ครับ


บรรยากาศแสดงผู้ที่สนใจเข้าร่วมการสัมมนาของคัมมิ่นส์ ดีทแฮล์ม


ภาพนี้เป็นภาพตอนเปิดงานโดยคุณอภิเชษฐ บรรลือนุชรี

คุณวรพจ อินชูโต แนะนำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของคัมมิ่นส์


คุณสุวิชัย เดชะรัตนางกูร กล่าวถึงโรงงานของคัมมิ่นส์ทั่วโลก และเปิดตัวเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารุ่นใหม่


พักเบรคทานอาหารว่างพร้อมนำชมเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารุ่นใหม่ ในตู้ครอบเครื่องแบบเก็บเสียง


บรรยากาศตอนชมเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารุ่นใหม่ติดเครื่องลองฟังความดังของเสียง


คุณอธิพล อินทรารุณ กล่าวถึงโปรแกรมคำนวณหาขนาดของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า หรือ Program Sizing Genset นั่นเอง



คุณพิพัฒน์ มณีรัตนประเสริฐ นำเสนอเกี่ยวกับอะไหล่ของคัมมิ่นส์ และชุดกรองดักน้ำจากน้ำมัน


เบรครับประทานอาหารกลางวัน แหม อันนี้ชอบมาก



หลังรับประทานก็ถึงคิวคุณแอนเดอร์สัน ลิม นำเสนอเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าตามมาตรฐานของ Cummins


แจกเอกสารและของที่ระลึกก่อนกลับ อันนี้ผมก็ช๊อบ ชอบครับ


ภาพทีมงานคัมมิ่นส์ ดีทแฮล์ม

ขอขอบคุณ คุณอภิเชษฐ บรรลือนุชรี ผู้เอื้อเฟื้อภาพถ่ายพร้อมรายละเอียดครับ